เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2558 ระหว่างเวลา 15.00-16.00 น. สถานเอกอัครราชทูต ได้จัดให้มีพิธีถวายราชสดุดี เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ทำเนียบเอกอัครราชทูต ซึ่งพิธีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม "Bike For Dad"โดยมีข้าราชการและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ตลอดจนชุมชนชาวไทยเข้าร่วมในพิธีดังกล่าวประมาณ 200 คน ในโอกาสนี้ นายดนัย เมนะโพธิ อุปทูต ได้กล่าวถวายราชสดุดีในนามของชุมชนชาวไทยในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรียและสาธารณรัฐเลบานอน จากนั้นจึงได้ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและสดุดีมหาราชาโดยพร้อมเพรียงกัน 

 

             อุปทูตได้กล่าวต่อชุมชนชาวไทยที่มาร่วมในพิธี โดยให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อแผ่นดินไทยและประชาชนชาวไทย และนำคำสอนของพระองค์มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ที่ชี้ถึงการดำรงอยู่และการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่บุคคล ครอบครัว ชุมชน จนถึงประเทศชาติ หากสามารถเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้จริงจะบังเกิดผลเป็นความสุขอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความพอเพียง การใช้เหตุใช้ผล และการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยคำนึงถึงปัจจัยความรู้ ความละเอียดรอบคอบ และที่สำคัญต้องมีคุณธรรม ทั้งนี้ ในหลักปรัชญาดังกล่าว มักมีวลีที่พระองค์ท่านได้ทรงเคยเอ่ยถึงไว้ เช่น "ยิ่งให้ ยิ่งได้" หรือ "ยอมสูญเสีย เพื่อให้ได้มา" (Loss is our gain) ทั้งนี้การให้ย่อมทำให้เกิดความสุข ซึ่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่ถือเป็นอริยทรัพย์อันสูงสุดสำหรับมวลมนุษยชาติก็คือ "การให้อภัย" ซึ่งจะนำไปสู่ความสมัครสมานสามัคคีของหมู่คณะ ดังนั้น ชาวไทยทุกคน ควรหมั่นฝึกจิตเป็นนิจให้รู้จักการให้อภัย ซึ่งจะทำให้สังคมเข้มแข็งเพราะมีความสามัคคียึดเหนี่ยวกันไว้ จากนั้น อุปทูตได้ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน สุดท้ายก่อนเสร็จสิ้นพิธีการ ได้มีการแสดงรำถวายพระพรชุดรำดอกบัวและชุดรำศรีวิชัยโดยคณะนักเรียน/นักศึกษาไทยของชมรมนาฏศิลป์ไทยในซาอุดีฯ และได้นำภาพยนต์เฉลิมพระเกียรติเรื่องสั้นเรื่อง "คำอธิฐาน" มาฉายให้ชุมชนไทยได้ชมด้วย