ประกาศ : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ได้รับความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำซาอุดีอาระเบียในการอนุญาตให้คนไทยในซาอุดีอาระเบียขึ้นเครื่องบินที่ทางการมาเลเซียเช่าเหมาลำ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยผ่านทางประเทศมาเลเซีย

ประกาศ : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ได้รับความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำซาอุดีอาระเบียในการอนุญาตให้คนไทยในซาอุดีอาระเบียขึ้นเครื่องบินที่ทางการมาเลเซียเช่าเหมาลำ เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยผ่านทางประเทศมาเลเซีย

วันที่นำเข้าข้อมูล 15 พ.ค. 2563

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 2,034 view

ด่วนที่สุด

 

ประกาศ : สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ได้รับความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำซาอุดีอาระเบียในการอนุญาตให้คนไทยในซาอุดีอาระเบียขึ้นเครื่องบินที่ทางการมาเลเซียเช่าเหมาลำเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยผ่านทางประเทศมาเลเซีย

 

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ได้รับความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำซาอุดีอาระเบียในการอนุญาตให้คนไทยในซาอุดีอาระเบียขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Saudia ที่ทางการมาเลเซียเช่าเหมาลำที่กรุงริยาด เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยผ่านทางประเทศมาเลเซีย ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ เพิ่งได้รับอนุมัติจากทางการไทย ในช่วงเช้าวันนี้ (15 พฤษภาคม 2563) จึงขอแจ้งรายละเอียด ดังนี้

 

1. ข้อมูลเที่ยวบิน

 

เที่ยวบินนำคนมาเลเซียในซาอุดีฯ กลับมาเลเซีย ในเส้นทางกรุงริยาด-กรุงกัวลาลัมเปอร์ (เดินทางขาเดียว) ซึ่งจัดสรรโควตาให้ผู้โดยสารชาวไทยเที่ยวบินละไม่เกิน 40 คน

(1) วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563 (คืนวันอังคารที่ 19 พฤษภาคม 2563)

      เดินทางโดยสายการบิน Saudia Airline เที่ยวบินที่ SV 834 เส้นทางกรุงริยาด-กรุงกัวลาลัมเปอร์

      ออกจากสนามบิน King Khalid International Airport กรุงริยาด เวลา 00.01 น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 (เช็คอินอย่างช้า เวลา 21.00 น. ของวันที่ 19 พฤษภาคม 2563) ถึงสนามบิน Kuala Lumpur International Airport กรุงกัวลาลัมเปอร์ เวลา 14.40 น. (วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2563)

(2) วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2563

      เดินทางโดยสายการบิน Saudia Airline เที่ยวบินที่ SV 828 เส้นทางกรุงริยาด-กรุงกัวลาลัมเปอร์

      ออกจากสนามบิน King Khalid International Airport กรุงริยาด เวลา 23.10 น. (เช็คอินอย่างช้าเวลา 20.00 น. ของวันที่ 23 พฤษภาคม 2563) ถึงสนามบิน Kuala Lumpur International Airport กรุงกัวลาลัมเปอร์ เวลา 11.40 น. (วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563)

 

2. ประเด็นสำคัญ

 

2.1 การเดินทางกลับดังกล่าวนี้จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการบริหารจัดการของมาเลเซียซึ่งเป็นผู้เช่าเหมาลำ และต้องดำเนินการตามมาตรการของมาเลเซียในฐานะที่ผู้เดินทางชาวไทยจะเป็นคนต่างชาติที่ขอเดินทางผ่านมาเลเซีย และตามมาตรการของไทย ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19

 

2.2 ผู้โดยสารชาวไทยที่จะเดินทางไปกับเที่ยวบินดังกล่าวจะต้องมีเอกสาร ดังนี้

(1) ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการว่าไม่มีเชื้อ COVID-19 ในซาอุดีฯ ซึ่งต้องดำเนินการด้วยตนเอง ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับทราบว่าในกรุงริยาดมีโรงพยาบาลที่รับตรวจ เช่น โรงพยาบาล Dr. Sulaiman Al Habib Hospital ซึ่งใช้เวลารอผลตรวจ 12-24 ชม. โดยมีค่าบริการประมาณ 1,450.- ริยาล โดยขอให้ทดรองจ่ายไปก่อน และนำใบเสร็จรับเงินไปขอรับเงินคืนจากสถานเอกอัครราชทูตฯ

(2) ใบรับรองแพทย์ Fit to Travel ที่มีอายุไม่เกิน 72 ชม. นับจากวันและเวลาที่ออกใบรับรองแพทย์ในซาอุดีฯ ถึงวันและเวลาที่เดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ จะจัดแพทย์ไปตรวจให้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ในช่วงบ่ายของวันเดินทางให้เป็นทางเลือกหนึ่งด้วย   

(3) หนังสือรับรองในการเดินทางเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองทางบกจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ (ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาดจะประสานงาน)

(4) ลงนามยิมยอมให้กักกันตัวเพื่อเฝ้าระวังโรค COVID-19 เป็นเวลา 14 วัน ณ สถานที่ที่รัฐบาลไทยกำหนด โดยอาจต้องพักในห้องคู่ หรือมากกว่า 2 คน

(5) กรอกแบบฟอร์ม ต.8 ให้แล้วเสร็จก่อนเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทย (สถานเอกอัครราชทูตฯ จะมอบแบบฟอร์มให้)

 

2.3 เมื่อผู้โดยสารเดินทางถึงสนามบิน Kuala Lumpur International Airport

(1) ผู้โดยสารชาวไทยจะต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ที่สนามบินกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชม. จากนั้น ผู้โดยสารจะต้องขึ้นรถบัสที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์เช่า เพื่อเดินทางไปยังชายแดนไทย-มาเลเซียในทันที ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางจากสนามบิน Kuala Lumpur International Airport ไปยังจุดผ่านแดนไทย-มาเลเซีย ประมาณ 5 ชม.

(2) เมื่อเดินทางถึงจุดผ่านแดนไทย-มาเลเซีย ผู้โดยสารจะต้องค้างแรมภายในรถบัส 1 คืน เนื่องจากจุดผ่านแดนไทย-มาเลเซีย อนุญาตให้เดินทางเข้าได้เฉพาะเวลากลางวัน ภายในเวลา 12.00 น. ดังนั้น ผู้โดยสารที่เดินทางในวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 (คืนวันที่ 19 พฤษภาคม 2563) จะเดินทางเข้าประเทศไทยในเช้าวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 และผู้โดยสารที่เดินทางในคืนวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 จะเดินทางเข้าประเทศไทยในเช้าวันที่ 25 พฤษภาคม 2563

 

3. ขั้นตอนในการดำเนินการ

 

คนไทยในซาอุดีฯ ที่มีความพร้อมในการเดินทางกลับประเทศไทยตามสภาวะและเงื่อนไขข้างต้น และได้รับอนุมัติ Final Exit Visa / Exit Re-entry Visa แล้ว สามารถดำเนินการ ดังนี้

(1) ลงทะเบียนแจ้งรายละเอียดของผู้โดยสารให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ทราบ ตามแบบฟอร์มใน Google Forms ตามที่อยู่ คือ https://forms.gle/h55oMFyzbwzPVExcA

(2) สถานเอกอัครราชทูตฯ จะโทรศัพท์ติดต่อ และยืนยันว่าอยู่ในโควตาหรือไม่ หากยังอยู่ในโควตา และให้ข้อมูลในเบื้องต้นครบถ้วน สถานเอกอัครราชทูตฯ จะแจ้งให้ซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน

(3) ซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินโดยชำระเงินด้วยตนเองกับสายการบิน Saudia โดยตรง (saudia.com) ซึ่งมีราคาประมาณ 2,900 ริยาล

(4) ส่งสำเนาหนังสือเดินทาง บัตร Iqama และบัตรโดยสารเครื่องบิน ให้สถานเอกอัครราชทูตฯ ทางอีเมล [email protected]

(5) สถานเอกอัครราชทูตฯ จะโทรศัพท์ติดต่อเพื่อประสานงานเพิ่มเติม    

 

ทั้งนี้ หากท่านใดซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินก่อนที่จะติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ หรือซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน   แต่ไม่มีเอกสารต่างๆ ในข้อ 2.2 ก็จะไม่สามารถขึ้นเครื่องบิน/เข้ามาเลเซีย/เข้าประเทศไทยได้ 

อนึ่ง หากมีผู้ที่พร้อมจะเดินทางมากกว่าจำนวนโควตาที่ได้รับ ก็ขอให้คำนึงถึงความจำเป็นและเสียสละให้แก่ผู้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนมากกว่า

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ Hotline ของสถานเอกอัครราชทูตฯ 055-462-2005 หรือ 055-798-2002

 

4. ข้อมูลเพิ่มเติม

(1) ก่อนการเดินทาง ควรกักตัวเองในที่พักอาศัย และในกรณีที่เดินทางเป็นครอบครัว ขอให้แยกสัมภาระและของใช้ส่วนตัวของแต่ละบุคคลตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดการติดต่อระหว่างห้องพักขณะกักกันตัวเพื่อเฝ้าระวังโรค COVID-19 ในประเทศไทย

(2) โปรดคำนึงด้วยว่า ทางการซาอุดีฯ ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว 24 ชม. ในช่วงวันที่ 23-27 พ.ค. 2563 ดังนั้น การเดินทางภายในซาอุดีฯ ในวันที่ 23 พ.ค. 2563 สำหรับเที่ยวบินที่ 2 อาจไม่สะดวกก็เป็นได้